จับกุมด้วยหลักฐานอะไร

จับกุมด้วยหลักฐานอะไร

ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

เหตุผลหนึ่งที่รัฐบาลยังคงกอดพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ยอมปล่อย ก็เพื่อจะได้ใช้อำนาจทำอะไรก็ได้ตามปรารถนา ว่ากันตามอำเภอใจ

อย่างล่าสุด การจับกุมนายสุรชัย เทวรัตน์หรือหรั่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นคนสนิทเสธ.แดง เป็นมือยิงเอ็ม 79 ระบุว่า ยิงทั้งสน.ลุมพินี ยิงโน่นยิงนี่ 8-9 คดี

*นั่งดูข่าวมาหลายวัน ดูการแถลงของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่พูดข้างเดียว*

ขอถามคำถามเดียว ตามประสาประชาชนที่ไม่ได้กินแกลบ ตามประสาคนทำงานด้านข่าว ที่ทุกอย่างต้องขึ้นกับพยานหลักฐาน

ขอถามว่า หลักฐานในการจับกุมนายหรั่งคืออะไร

ดูมาหลายวันแล้ว ไม่มีหลักฐานแม้แต่ขี้เล็บ!!

ที่ไปกล่าวหาเขาเป็นตุเป็นตะ ยิงโน่นยิงนี่ แต่ไม่เคยเห็นว่าตำรวจนครบาลที่ไปจับกุม หรือดีเอสไอที่ควบคุมตัวดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ มีหลักฐานอะไรมารองรับ

ทีแรกก็ออกข่าวเสมือนหนึ่งว่า ยอมรับสารภาพแล้ว ซัดทอดเสธ.แดงเสียด้วย

จนลูกเสธ.แดง ต้องออกมาเตือนสติผู้ใหญ่ใจดำทั้งหลายว่า คนตายพูดไม่ได้ อย่ามาใส่ร้ายโยนบาปให้

*เมื่อนักข่าวไปถามนายหรั่งด้วยตัวเอง เขาก็ปฏิเสธว่าไม่เคยรับสารภาพ!!*

ฟังอย่างนี้แล้วต้องถือว่าเป็นกระบวนการยัดเยียดข้อหาและสร้างกระแสป้ายสีอย่างเลวร้าย

นี่ไงคือตัวอย่างของการใช้อำนาจครอบจักรวาล ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะจับใครก็ได้ ตั้งข้อหารุนแรงอะไรก็ได้

จนต้องถามว่า แล้วอะไรคือหลักฐานที่ใช้กล่าวหาเขารุนแรงขนาดนี้

ในยุครัฐบาลไหน ถ้ามีการใช้อำนาจพิเศษ มาจับกุมคุมขังผู้คนโดยไม่มีพยานหลักฐานมารองรับ เยี่ยงกระบวนการยุติธรรมที่เป็นมาตรฐาน

เราต้องไม่ยอมรับ ต้องไม่ปล่อยให้ใช้อำนาจคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้

แล้วรัฐบาลต้องไม่ลืมว่า แม้จะมีพ.ร.ก.อำนาจล้นฟ้าทำอะไรตามใจชอบก็ได้ แต่ก็ยังมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดอยู่ มีมาตราที่คุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาอย่างชัดเจน

ถึงขณะนี้ก็มีพยานหลักฐานชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ได้ละเมิดสิทธิของผู้ต้องหารายนี้อย่างโจ่งแจ้ง

เช่น คนระดับอธิบดีแถลงข่าว พูดเอาเองว่าเขาได้กระทำผิด 8-9 คดีต่อสาธารณะ ทั้งที่ขณะแถลง ไม่มีพยานหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียว

การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังโมเมเอาเองว่าผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ถือว่าบิดเบือนความจริง

*ถ้าไม่ตายอย่างลึกลับเสียก่อน หรือถ้าไม่ยอมรับสารภาพเพราะทนเจ็บปวดไม่ไหว*

คดีนี้ถึงศาลเมื่อไรได้สู้กันสนุก แค่เอาคำแถลงของดีเอสไอในวันนี้มาแสดงในศาล ก็บอกได้แล้วว่า

จับกุมอย่างมิชอบตั้งแต่ต้น!

จาก วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7172 ข่าวสดรายวัน

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

พ่ายแพ้-สรุปบทเรียน-สู้ใหม่-จนได้ชัยมา

โดย Prem1991

จากการศึกษาการปฏิวัติทั่วโลก พบว่าการต่อสู้ยกแรกมักเพลี่ยงพล้ำ จากนั้นจึงมีการปรับยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี จึงสามารถเอาชนะได้ในการต่อสู้ยกต่อไป ขอยกกรณีตัวอย่างดังนี้

1. การปฏิวัติในอเมริกา ค.ศ.1776


การ ต่อสู้ในระยะแรกฝ่ายประชาชนก็เพลี่ยงพล้ำ และสูญเสียอย่างมาก เพราะอาวุธไม่ทันสมัย ต่อมาฝรั่งเศสได้แอบส่งกำลัง อาวุธเข้าช่วยเหลือจึงสามารถตีโต้อังกฤษได้อย่างดุเดือด

2. การปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ.1789


ตอนแรกก็ชุมนุมเรียกร้องโดยสันติ ปราศจากอาวุธ แต่ก็ถูกปราบปราม ถูกจับกุม ขังในคุกบาสติลเป็นจำนวนมาก ฝ่ายประชาชนในปารีสจึงตั้งกองกำลังแห่งชาติ (National Guards) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของประชาชนในปารีสก่อน หลังจากนั้นก็มีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธตามอย่างปารีส ไปทั่วประเทศฝรั่งเศส จนสามารถยกกำลังทำการปฏิวัติได้

3. การปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ.1917


การ ต่อสู้ในตอนแรกถูกปราบปราม เลนินและผู้นำคนสำคัญของพรรคบอลเชวิคจึงหนีไปลี้ภัยในต่างประเทศ ต่อมาได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนีให้เดินทางกลับเข้ารัสเซียโดยใช้ เส้นทางรถไฟ…..เลนินได้เข้ามาปลุกระดมมวลชนโดยเฉพาะกรรมกรในรัสเซียให้ร่วมกันต่อสู้ปฏิวัติจนสำเร็จ

4. การปฏิวัติจีน ค.ศ.1949


ในช่วงแรก ๆ ของการทำสงครามปฏิวัติ พรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกปราบปราม และประสบ ความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนต้องหันมาปรับวิธีการต่อสู้โดยใช้ยุทธศาสตร์จัดตั้งฐานที่มั่นในชนบทของ เหมา เจ๋อ ตุง รวบรวมกำลังสู้กับอำนาจรัฐ…มีการปรับยุทธการรวบรวมกำลังทหารล่าถอยจากมณฑลเกียงสี ไปยังเมือง เยนอาน มณฑลเสียนซี ซึ่งมีระยะทางไกลกว่าหนึ่งหมื่นกิโลเมตร การสร้างวีรกรรม ”การถอยทัพครั้งใหญ่” หรือ “การเดินวิบาก (Long March)” เป็นยุทธศาสตร์การถอยเพื่อรุกที่มีความสำคัญมาก….ในที่สุดยุทธศาสตร์ฐานที่มั่นของเหมาฯเริ่มสัมฤทธิ์ผล และได้ชัยชนะ

5. การปฏิวัติคิวบา ค.ศ.1959


ระยะแรกฝ่ายปฏิวัติถูกรัฐบาลเผด็จการบาติสตาปราบปรามหนัก ฟิเดล คาสโตร และน้องชายชื่อ ราอูล คาสโตร ถูกจับและถูกพิพากษาให้จำคุก 15 ปี แต่ในเดือนพฤษภาคม 1955 กลุ่มของคาสโตรได้รับการอภัยโทษ จึงได้หนีไปยังอเมริกาและเม็กซิโกเพื่อเตรียมการปฏิวัติอีกครั้งหนึ่ง….ในปีต่อมา ฟิเดล คาสโตร พร้อมด้วย Ernesto Che Guevara นักปฏิวัติชาวอาร์เจนตินา จึงได้นำกองกำลังติดอาวุธ 82 คนจากเม็กซิโกมาขึ้นฝั่งคิวบา ก็ถูกทหารรัฐบาลโจมตี ตายเกือบหมด รอดชีวิตเพียง 12 คน จึงต้องหลบหนีไปตั้งฐานที่มั่นอยู่ในป่าเขา ทำการขยายฐานมวลชน และปฏิวัติสำเร็จในอีก 3 ปี ต่อมา

6. การปฏิวัติอิหร่าน ค.ศ.1979


กษัตริย์ซาร์ ถูกยุยงให้ขัดแย้งกับผู้นำศาสนาอย่างอิหม่ามโคไมนี จึง ใช้ กลไกของรัฐทุกอย่าง ทั้งศาล รัฐบาล ทหาร ในการเล่นงานโคไมนี กระทั่ง ปี 1964 โคไมนีจึงหนีไปอยู่ทางตอนใต้ของอิรัก และพยายามสื่อสารกับมวลชนที่ศรัทธาเขา โดยการพูดบันทึกเทปให้ผู้ศรัทธาเอาไปจ่ายแจกตามบ้านเรือนผู้คนในอิหร่าน เพื่อไม่ให้กระแสของตนหายไป….ปี 1978 พระเจ้าชาห์ขอให้ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำคนใหม่ของอิรัก ช่วยไล่อิหม่ามโคไมนีออกจากอิรัก โคไมนีจึงต้องหนีไปอยู่ฝรั่งเศส กระทั่งปีต่อมาประชาชนที่ศรัทธาโคไมนี ลุกฮือกันทั้งประเทศ พระเจ้าชาห์ และราชวงศ์ทุกพระองค์จึงต้องทรงเดินทางหนีออกจากอิหร่าน ระบอบกษัตริย์ที่มีนานานถึง 2,538 ปี ก็สิ้นสุดลง

7. การเปลี่ยนแปลงในเนปาล ค.ศ.2008


กษัตริย์คเยนทรา ของเนปาล เข้าสู่อำนาจการเมืองโดยได้ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อปี 2005 ซึ่งนำไปสู่วิกฤติการณ์ความขัดแย้งแตกแยกครั้งใหญ่ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของพลเรือนชาวเนปาลจำนวนมาก ประชาชนกว่า 2,000 คนถูกฆ่าตาย
ความนิยมในตัวกษัตริย์คเยนทรา และต่อสถาบันกษัตริย์ของประชาชนชาวเนปาล ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ประชาชนพากันลุกฮือประท้วงจนนำไปสู่การยึดพระราชอำนาจในหลายๆ ด้านของพระองค์ ทางด้านกลุ่มกบฏเหมาอิสต์ที่นำโดย นายประจันดา อดีตครูสอนหนังสือได้นำการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนเนปาลให้เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ มานาน 10 ปี ได้ตัดสินใจยกเลิกการสู้รบแบบกองโจร แล้วเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยหนทางทางการเมืองแทน ปรากฏว่าได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนเมษายน จนได้ครองเสียงข้างมากในรัฐสภาและในที่สุดก็นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการ ปกครองในปี 2008

8. การต่อสู้ของ เนลสัน แมนเดลา


ลัทธิล่าอาณานิคม การกดขี่ขูดรีด การเหยียดผิว ทำให้คนผิวดำถูกปฏิบัติเหมือนไม่ใช่คน มีการบังคับให้ใช้แรงงานเยี่ยงทาส และถูกจับไปขายเป็นทาสในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในอเมริกา
เนลสัน มันเดลลา บุตรของหัวหน้าเผ่าซึ่งสืบเชื้อสายมากว่า 10 ชั่วอายุคน ได้รับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยสาขาวิชาด้านกฎหมาย หลังจากเรียนจบในปี 1944 ได้เข้าร่วมกับองค์กรการเมือง (ANC) ของคนผิวสีเพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิว จนได้เป็นประธานองค์กร
การต่อสู้ในระยะแรก เขาก็นำการต่อสู้ด้วยการชุมนุมประท้วง และเดินขบวนอย่างสันติ รวมไปถึงการบอยคอต (เหมือนของเสื้อแดงในขณะนี้) แต่ต่อมากลับถูกปราบและถูกสังหารหมู่ผู้เดินขบวนที่เมือง Sharpeville ในปี 1960
– แมนเดลาได้เข้าร่วมจัดตั้งหน่วยพลร่มแห่ง ANC เพื่อก่อวินาศกรรม ตอบโต้การกระทำของรัฐบาลผิวขาว อันเป็นการยกระดับการต่อสู้จากการต่อสู้แบบสันติ เป็นการต่อสู้ด้วยกองกำลังติดอาวุธ
– สามปีต่อมาคือในปี 1963 เขาและเพื่อนร่วมพรรคก็ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาสั่งสมอาวุธไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย และถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต เขาอยู่ในคุก 27 ปี กระทั่งปี 1990 รัฐบาลของ F.W. de Klerk ได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวเนลสัน แมนเดลา เพื่อสร้างความสมานฉันท์ และเลิกการเหยียดผิว กระทั่งปี 1994 มีการเลือกตั้งทั่วไป แมนเดลาจึงได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกแห่งแอฟริกาใต้

จากตัวอย่างที่ยกมานี้ หวังว่าจะทำให้ฝ่ายเสื้อแดงมีกำลังใจในการต่อสู้มากขึ้นด้วย การถือว่าเป็นธรรมดาของการต่อสู้ ในยกแรกมักจะเพลี่ยงพล้ำเสมอ แต่เมื่อได้ปรับยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีการต่อสู้ที่เหมาะสม ใช้ความมานะพยายามอย่างหนัก และใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกนิด ก็จะประสบชัยชนะในที่สุด

ดังนั้นภารกิจสำคัญของเรา ณ เวลานี้ก็คือ การปรับยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีการต่อสู้ตลอดจนการที่ต้องมี “ผู้นำทางความคิด” ในการนำมวลชนต่อสู้

“ผู้นำทางความคิด” สำคัญไฉน

การต่อสู้ของประชาชนหมู่มาก หรือ มวลมหาประชาชน นั้นไม่ว่าจะต่อสู้เพื่อเอกราช ต่อสู้เพื่อระบอบการปกครองที่ดีกว่าหรือ ต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในระบอบเดิม

ตั้งแต่อดีต กระทั่งปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดต่างก็เป็นปรากฏการณ์ทางการเมือง ที่ล้วนแต่มี “ผู้นำทางความคิด” ที่โดดเด่น ทั้งนั้น

–  การปฏิวัติอเมริกา ค.ศ.1776 มี อิทธิพลทางความคิดของ จอห์น ล็อค
–  การปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ.1789 มี วอลแตร์
–  การปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ.1918 มี เลนิน ที่ประยุกต์แนวคิดของมาร์กมาปฏิวัติ
–  การประกาศอิสรภาพของอินเดีย ค.ศ.1942 มี มหาตมะ คานธี
–  การปฏิวัติจีน ค.ศ.1949 มี เหมา เจ๋อ ตุง
–  การปฏิวัติคิวบา ค.ศ.1959 มี ฟิเดล คาสโตร และ เช กูวารา
–  การปฏิวัติอิหร่าน ค.ศ.1979 มี อิหม่าม โคไมนี
–  การเปลี่ยนแปลงในอัฟริกาใต้ ค.ศ.1994 มี เนลสัน เมนเดลา
–  การเปลี่ยนแปลงในเนปาล ค.ศ.2008 มี พุชปา ฮามาล ดาฮาล หรือ ประจันดา
–  เป็น ต้น……

ถามว่าการจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยตามสโลแกน “Thailand Needs Change” มีท่านผู้ใดเป็นผู้นำทางความคิด และชุดความคิดนั้นมีเนื้อหาว่าอย่างไร ?

การต่อสู้ทางการเมืองของมวลมหาประชาชน จำเป็นต้องมีแนวความคิดที่เป็นไปในทางเดียวกัน
หมายความว่าต้องมี “ชุดของคำอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผล” ชุดเดียวกัน
ชุดความคิด หรือชุดของคำอธิบายดังกล่าว ต้องบอกถึง……….
–  ปัญหาโครงสร้างทางการเมือง
–  ปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และสังคม ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างอำนาจทางการเมือง
–  สาเหตุของปัญหา
–  ผลกระทบของปัญหา ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
–  แนว ทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเสนอไปในทางเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ หรือระบบสังคม (ซึ่งมีความรุนแรงตั้งแต่ระดับการ ปฏิรูป จนถึง การปฏิวัติ) บางกรณีนำเสนอให้เปลี่ยนกฎหมายหลัก เช่น รัฐธรรมนูญ (ซึ่งถือเป็นเพียงการปฏิรูปทางการเมืองการปกครอง) หรือบางกรณีนำเสนอให้รัฐบาลลาออก หรือยุบสภา (ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ปกติธรรมดาที่สุด)


–  เป้าหมาย ต้องชัดเจนว่าการต่อสู้นี้มีเป้าหมายขนาดไหน ต้องนำเสนอให้ชัดเจน ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่ให้แกนนำคนหนึ่งว่าอย่างหนึ่ง อีกคนว่าอีกอย่างหนึ่ง และต้องไม่มีการโต้เถียงขัดแย้งกันในเป้าหมายที่ได้ประกาศต่อมวลมหาประชาชน ไปแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ต้องชัดเจนอย่างมาก ต้องออกมาจากการศึกษาวิเคราะห์ด้วยข้อมูล และทฤษฎีที่แม่นยำ ผ่านการกลั่นกรองอย่างหนัก และได้รับความเห็นพ้องต้องกันอย่างกว้างขวาง
–  ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และยุทธการ ในการต่อสู้ (ที่ใช้คำว่า “ยุทธ” เพราะมันคงไม่ได้มาโดยง่ายโดยการร้องขอ แต่ต้องเข้มข้มในระดับการยุทธเลยทีเดียว)

ผู้นำทางความ คิด ต้องสามารถทำให้มวลมหาประชาชนเข้าใจ และชัดเจนใน ชุดของความคิด หรือชุดของคำอธิบาย ดังกล่าวมาแล้ว โดยเฉพาะการนำเสนอเป้าหมาย และการตระเตรียมคำถาม คำตอบ ข้อโต้แย้ง ข้อชี้แจง อย่างละเอียดรอบคอบ

โดยสรุปก็คือ เราเห็นว่าฝ่ายเราต้องมี “ชุดของความคิด” และ “ผู้นำทางความคิด” ที่โดดเด่น จึงค่อยเคลื่อนไหวให้เป็นกระบวนทัพที่เกรียงไกร

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

เสื้อแดงร่วมงานพระราชทานเพลิงศพเสธ.แดง เนืองแน่น

เสื้อแดงร่วมงานพระราชทานเพลิงศพเสธ.แดง เนืองแน่น

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานพระราชทานเพลิงศพของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่วัดโสมนัสวรวิหาร

มีกลุ่มคนเสื้อแดง คนสนิท และประชาชนส่วนหนึ่ง พร้อมด้วยส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางมา  อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ร่วมงานอย่างต่อเนื่อง ตามกำหนดการเวลา 17.00 น. โดยในช่วงบ่ายการจราจรเริ่มติดขัด ทำให้ต้องปิดการจราจรภายในตรอกซอยรอบบริเวณวัด

ทั้งนี้ภายในงานนอกจากจะมีลูกสาวของพล.ต.ขัตติยะทั้ง 2 คน ประกอบด้วย น.ส.กิตติยา และน.ส.ขัตติยา หรือน้องเดียร์ แล้วยังมีนางลัดดาวัลย์ พลฤทธิ์ พร้อมด.ช.นักรบ สวัสดิผล หรือ แดงน้อย อายุ 5 ขวบ ภรรยาและบุตรนอกสมรสของพล.ต.ขัตติยะ เดินทางมาร่วมพิธีด้วย

นางลัดดาวัลย์ กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการมาเปิดตัว และเรียกร้องอะไร เพียงแต่ต้องการพาลูกชายมาเคารพศพบิดาเป็นครั้งสุดท้าย

เวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่มีการจุดไฟพระฤกษ์ตามหมายกำหนดการ ปรากฏว่ามีประชาชนจำนวนมากเบียดเสียดกันขึ้นมาวางดอกไม้จันทน์จนเกิดเหตุวุ่นวาย มีคนเป็นลมหลายสิบคน ขณะเดียวกันประชาชนได้ยื้อแย่งกันรับหนังสือและซีดีชีวประวัติของพล.ต.ขัตติยะ ซึ่งเจ้าภาพแจกเป็นที่ระลึกในงาน ถึงขั้นหัวร้างข้างแตกและหมดเกลี้ยงในพริบตา ขณะเดียวกันพิธีกรภายในงานได้ประกาศว่าหากใครพบเห็นมีพ่อค้าแม่ค้านำหนังสือหรือซีดีมาจำหน่ายให้มาแจ้งทันที


สำหรับหนังสือดังกล่าว มีปกสีแดง จารึกลายเซ็นเสธ.แดง ด้วยหมึกสีทอง ภายในเล่ม ประกอบด้วยชีวประวัติ คำไว้อาลัย ทั้งจากอดีตผู้บังคับบัญชา และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 11 (ตท.11) รวมถึงนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ที่เขียนว่า “เสธ.แดง เป็นคนกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มีประวัติในการทำสงครามป้องกันอธิปไตยของชาติมาค่อนข้างจะเด่น น่าประทับใจอยู่หลายครั้ง จึงสนับสนุนให้เขามีความก้าวหน้าทางราชการ เพราะต้องการให้เป็นกำลังใจแก่ทหารหาญของชาติที่กล้าเสี่ยง กล้าเสียสละในการทำสงครามปกป้องประเทศ ทั้งนี้ เสธ.แดง ต้องจากไปอย่างไม่ปกติธรรมดา ยากที่จะคาดเดาได้ว่ามาจากสาเหตุใด เพราะเสธ.แดง เป็นคนจัดจ้านในชีวิตทางสังคมและการเมือง ตามความเชื่อของตนเองและพรรคพวก จึงต้องมีมิตรและศัตรูอย่างหลากหลาย ยากที่จะวินิจฉัย”


ขณะที่เพื่อน ตท.11 ได้เขียนไว้อาลัยถึง “เพื่อนยะ” ซึ่งเป็นนามเรียกขานของเสธ.แดง ที่รู้จักในรุ่นว่า “ยะ ยี่เอ็ง” และกลายมาเป็น นามปากกาเขียนพ็อกเกตบุ๊ก คมเสธ.แดง ทั้ง 7 ภาค ส่วนคำไว้อาลัยของเพื่อนที่น่าสนใจคือ เพื่อนที่ใช้ชื่อว่า “เสธ.ตุ๊” ระบุว่า ได้เคยเตือนเสธ.แดงทางโทรศัพท์หลายครั้งว่าให้ระวังตัว “ไอ้แดงมึงฟังกู ไม่มีใครเขาทำยุทธหัตถีกับมึงหรอก เขาจะยิงกบาลมึง มึงระวังตัวให้ดี” เพื่อนที่ใช้ชื่อว่า เสธ.ตุ๊ ยังเขียนว่า “ผมจะโทร.หาแดงคุยกันเกือบทุกวัน ทุกครั้งที่คุยจะเตือนมันทุกครั้ง ด้วยความห่วงกังวลว่ามันจะถูกเก็บ โดยเฉพาะการคุยกันครั้งสุดท้ายดังกล่าวข้างต้น ผมยิ่งกังวลใจมาก เพราะตอนเช้าวันนั้น ผมได้เข้าไปที่หน่วยงานหน่วยหนึ่ง และได้ยินเพื่อนคนหนึ่งพูดว่า ภายในอาทิตย์นี้ ไอ้แดงตายห่าแน่ แล้วมันก็ถูกยิงตายจริงๆ และก่อนหน้านี้ผมได้คุยกับเพื่อนหลายคนเพื่อบอกว่าเตือนไอ้แดงแล้ว แต่มันไม่ฟัง อาจเป็นเพราะมันเชื่อมั่นในตัวลูกน้องรอบกาย หรือเพราะความประมาท”

เสธ.ตุ๊ ยังบอกว่า เพื่อนแดงเป็นคนกล้าพูด กล้าทำ บ้าบิ่น หยิ่งทระนง ชอบพูด รอบรู้ไปหมด ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้าใครได้ฟังแล้วจะนึกว่าไอ้นี่ทำแน่ๆ ผมจึงพูดเสมอหลังการตายของมันว่าโดยทั่วไป คนพูดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้พูด ยอมรับว่าเสียใจมาก และแค้นใจมากเพราะพยายามเตือนมันให้ระวังตัว แต่ยังพลาด เนื่องจากมีคนจ้องจะทำ และขออาราธนาให้มือปืนที่ลั่นกระสุน ตลอดจนผู้ร่วมกระบวนการทั้งหลายทุกระดับชั้นประสบแต่ความสุขความเจริญ และเมื่อสิ้นอายุขัย ขอให้ขึ้นสวรรค์กันทุกคน เพราะพวกมึงคิดว่ามึงทำถูกแล้ว ส่วนแดงเพื่อนรัก เราไปนรกดีกว่าเพราะรู้ข่าวมาว่าสวรรค์ก็มี ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด เพื่อนไปก่อนและกูจะตามไป แต่เพื่อนอย่าเพิ่งอาละวาดกับยมบาล รอกูก่อน


รายงานข่าวจากกองทัพบก แจ้งว่า คดีที่กองทัพบกเสนอพิจารณาถอดยศ ปลด จากตำแหน่ง ตามฐานความผิดทางวินัยที่กระทรวงกลาโหมได้ส่งไปที่นายกฯ แล้วนั้น ขณะนี้เรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าในการทุเลาโทษหลังเสียชีวิต ส่วนคดีที่เสธ.แดง ถูกสังหารโดยกระสุนไม่ทราบชนิดนั้น ทางพนักงานสอบสวน ยังอยู่ระหว่างการสืบพยานอยู่ ยังไม่มีความคืบหน้า

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

สมคบคิด คอลัมน์ เหล็กใน

วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7134 ข่าวสดรายวัน


สมคบคิด

คอลัมน์ เหล็กใน

คงไม่มีคำไหนเหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้เท่ากับคำว่าสมคบคิด หรือสมรู้ร่วมคิดอีกแล้ว

เพราะเหตุการณ์ตั้งแต่การสลายม็อบจนมีคนตายเฉียดร้อย บาดเจ็บอีกนับพัน โดยที่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ต่างประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า

ล้วนเป็นฝีมือ “ผู้ก่อการร้าย”

รัฐบาลพยายามบอกว่าทหารนับหมื่นที่ออกมาสาดกระสุนใส่ผู้ชุมนุม ให้เห็นภาพผ่านทางสื่อทั้งไทยและเทศ ไม่มีสักนัดที่เจาะเข้าหัวของประชาชน

ขณะที่ทหารก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์

ดีเอสไอ ที่รับผิดชอบการสอบสวนต่างๆ ดูเหมือนจะสนใจไล่จับ “ผู้ก่อการร้าย” และหาบุคคลเพื่อแจ้งข้อหา “ก่อการร้าย” มากกว่าจะสอบสวนอย่างจริงๆ จังๆ ว่าใครคือเจ้าของกระสุนที่ปลิดชีวิตคนจำนวนมาก

ไม่นับหน่วยงานอื่นๆ หรือองค์กรอิสระต่างๆ ก็แทบไม่สนใจการตายของประชาชน

หากไม่ใช่เพราะอำนาจรัฐกดอยู่ด้านบน ก็ต้องเป็นการสมคบคิดเพื่อเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

เกือบ 100 ศพ และนับพันที่ได้รับบาดเจ็บ กำลังถูกบิดเบือนด้วยกลไกของผู้มีอำนาจและภาครัฐจากหลายองค์กร

โดยเฉพาะเหตุฆ่าหมู่ที่วัดปทุมวนาราม ทั้งที่มีพยานหลักฐานมากมายว่าเป็นฝีมือของใคร

แต่พยานเหล่านั้นแทบไม่ได้ถูกเรียกไปให้ข้อมูลเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด

ท่าทีของภาครัฐเองก็อยากให้เรื่องนี้จบๆ ไป แม้ปากจะพร่ำบอกว่าเป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย แต่แทบไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อตามจับ “ผู้ก่อการร้าย” ในกรณีนี้เลย

นอกจากนี้ ยังมีการแฉในภายหลังอีกว่าศพของเหยื่อแต่ละราย มีการเล่นซิกแซ็กทำให้กระสุนในศพล่องหนอย่างลึกลับ

หากไม่ใช่อำนาจรัฐครอบงำ ก็ต้องเป็นการสมรู้ร่วมคิดอย่างน่ากลัวยิ่ง

รวมไปถึงคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่เกิดเหตุโจรกรรมข้อมูลของพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอที่ทำคดีนี้

ล่าสุดพนักงานสอบสวนไขก๊อกกันเป็นแถว เพราะเจอแรงบีบอย่างหนัก

การแสดงออกมากมายทั้งจากรัฐบาล ทหาร และองค์กรภาครัฐต่างๆ เพื่อมิให้ฐานอำนาจปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป มันคือการ “สมคบคิด” หรือ “สมรู้ร่วมคิด” ที่น่ากลัว เพราะแทบจะไม่มีหน่วยงานใด หรือพลังใดในสังคมตรวจสอบการใช้อำนาจนี้ได้เลย

อาจจะมี”ศาล”ที่พอเป็นที่พึ่งเรื่องความยุติธรรมอยู่ได้ แต่ก็มีหลายขั้นตอนที่จะขัดขวางมิให้ข้อน่าสงสัยต่างๆ ขึ้นไปสู่กระบวนการพิจารณา

หากทุกอย่างยังดำเนินอยู่ต่อไปเช่นนี้

ประเทศไทยคงห่างไกลจากคำว่า”ประชาธิปไตย”ออกไปทุกที

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

เสียงปริ่มน้ำ-งูเห่า-เสื้อแดง

เสียงปริ่มน้ำ-งูเห่า-เสื้อแดง

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย หมัดเหล็ก
  • 11 มิถุนายน 2553,

แม้จะมี ส.ส.ถูกขับออกจากพรรค และย้ายพรรคจำนวนหนึ่งหลังจากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา ก็ต้องถือว่า เป็นปรากฏการณ์งูเห่า ที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ เนื่องจากความเป็นสถาบันการเมืองได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วตามแผนบันไดสี่ขั้น ลับ ลวง พราง และความเป็นผู้แทนราษฎรในความหมายตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้มีอยู่ในสามัญสำนึกอีกต่อไป

นักการเมืองหรือพรรคการเมืองก็คือคนกลุ่มหนึ่งที่  เข้ามาแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ จากการเข้ามาควบคุมการบริหารของ ประเทศ มีการซื้อขายตำแหน่ง ทุจริตคอรัปชันเชิงนโยบาย คุณสมบัตินักการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องซีเรียส ผู้ต้องหาก็สามารถที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ไม่ต้องไปพูดถึงคนดีคนเลวให้เมื่อยตุ้ม อำนาจทางการเมืองสามารถที่จะฟอกถูกเป็นผิด ดำเป็นขาวได้ในพริบตาเดียว

เสถียรภาพของรัฐบาลไม่ใช่อยู่ที่ ความศรัทธาของประชาชน แต่อยู่ที่ว่าจะซื้องูเห่าได้มากแค่ไหน จะกำจัดเสี้ยนหนามศัตรูคู่แข่งให้สิ้นซาก หรือหมดทางสู้ได้อย่างไรมากกว่า

มีการวิตกกังวลกันว่า  การเปลี่ยนแปลงในพรรคร่วมรัฐบาลจะทำให้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ  และจะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างมาก อาทิ กฎหมายการเงิน การพิจารณางบประมาณวาระ 2-3 ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลก็ล้มไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่แน่ เพราะรัฐบาลชุดนี้สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยวิธีแปลกๆพิสดารอย่างคาดไม่ถึง

บวกลบคูณหาร ส.ส.กาฝาก ไว้ในฝ่ายค้าน ดูด้วยแล้วการที่ต้องเสีย พรรคเพื่อแผ่นดินไป รัฐบาลมีเสียงน้อยกว่าเดิมไม่เกิน 6 เสียง และกำลังมีความพยายามที่จะเพิ่มพลังดูดกันอีกยก โดยหวังผลการเลือกตั้งในอนาคตด้วยตั้งใจจะโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทย

โดยมีเป้าหมายเป็นรัฐบาลไม่เกิน 2-3 พรรค มีประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยเป็นแกนนำ  ซึ่งต่อไปก็คงจะจับมือเป็นขั้วการเมืองกันอย่างถาวร ด้วยเหตุผลพิเศษอะไรบางอย่าง

ซึ่งเข้าใจว่า พรรคฝ่ายค้านก็ต้องคิดอย่างเดียวกัน เพียงแต่ว่ายังทำอะไรโฉ่งฉ่างไม่ได้เท่านั้น เพราะ กลัวจะถูกยุบพรรคอีกกระ-ทอก จึงต้องประคองตัวเอาไว้ก่อน รอเวลาเอาคืนในภาคเหนือ และ ภาคอีสาน ที่มีความได้เปรียบทางการเมืองอยู่แล้ว

เพราะข้อหาผู้ก่อการร้าย  เพราะคนเจ็บคนตาย  จากการสลายการชุมนุมที่ผ่านมา  ไม่ได้รับความเป็นธรรม  ไม่ได้รับการเหลียวแล

ไปร้องเรียนที่ไหนก็ไม่มีใครฟัง  เหมือนไม่ใช่พลเมืองประเทศนี้ไป ซะแล้ว

รัฐบาลห่วงแต่เสถียรภาพของตัวเองโดยลืมเสถียรภาพของบ้านเมือง ลืมว่าประชาชนไม่ใช่มีแค่เสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง อย่าลืมว่าประเทศไทยไม่ใช่มีพื้นที่แค่ค่ายทหารหรือทำเนียบรัฐบาล อย่าลืมตัว.

หมัดเหล็ก

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

สังหารโหด “อ้วน บัวใหญ่”แกนนำแดงโคราช-การ์ดส่วนตัว”แรมโบ้อีสาน” เผยเคยมีปัญหากับบิ๊กทหาร-ตำรวจ

สังหาร”อ้วน บัวใหญ่”นปช.โคราช
วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 23:15:14 น. มติชนออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 9 มิถุนายน นายศักรินทร์ กองแก้ว หรือ “อ้วน บัวใหญ่” แกนนำ นปช. จ.นครราชสีมา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 3 ชุมชนบ้านบัว ต.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตบริเวณทางแยกเข้าชุมชนบ้านบัว ถนนเทศบาล 7 เขตเทศบาลเมืองบัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ บุญดำเนินพาณิชย์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.บัวใหญ่ เผยว่า ไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิง เมื่อเวลา 22.25 น. วันที่ 9 มิถุนายน พบแต่เพียงกองเลือด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อคือนายศักรินทร์ ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบัวใหญ่ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางตำรวจได้นำศพไปที่โรงพยาบาลมหาราช เพื่อให้แพทย์เวรนิติเวช ชันสูตรพลิกศพ พบถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่ศีรษะและลำตัว แห่งละ 2 นัด จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกหล่น 1 ปลอก สำหรับพยานหลักฐานอื่นๆ เบื้องต้นยังไม่พบ หลังเกิดเหตุได้วิทยุประสานไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียงให้ช่วยตั้งด่านสกัดจับ แต่ไร้วี่แววคนร้าย

ตั้ง3ปม “วิวาท-ชู้สาว-การเมือง”

พ.ต.อ.สหรัฐ ประสงค์นิจกิจ ผกก.สภ.บัวใหญ่ กล่าวว่า ได้สอบปากคำพยานซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ได้เพียง 1 ปากเท่านั้น นอกจากนี้ยังส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข้อมูลกับญาติพี่น้องและเพื่อนของ”อ้วน บัวใหญ่” แต่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเท่าไรนัก เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้รถปิคอัพเป็นยานพาหนะ ทั้งนี้ตั้งไว้ 3 ประเด็นหลัก คือทะเลาะวิวาทในกลุ่มวัยรุ่น, ชู้สาว และการเมือง ยังให้ความสำคัญทุกประเด็น โดยผู้บังคับบัญชากำชับให้เร่งสืบสวน เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญ
เวลา 13.30 น. ที่หน้าห้องเก็บศพ โรงพยาบาลมหาราช นางทองเติม รัตนะ อายุ 61 ปี ยายของ อ้วน บัวใหญ่Ž พร้อมญาติพี่น้องเดินทางมารอรับศพ “อ้วน บัวใหญ่” โดยนางทองเติมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ทราบสาเหตุที่หลานชายถูกสังหารโหด ยืนยันว่าหลายชายเป็นคนดี ไม่เคยมีพิษภัยกับใคร

เพื่อนเผยนาทีสังหาร”อ้วน”

นายวีรยุทธ ดีสวน อายุ 18 ปี อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฮุก 31 นามเรียกขาน “บัวใหญ่ 46” ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำ “อ้วน บัวใหญ่” ที่มีนามเรียกขานว่า “บัวใหญ่ 16Ž มาพูดคุยกับพวกตนที่บ้านพักย่านตลาดสดเทศบาลเมืองบัวใหญ่ กระทั่งเวลา 22.10 น. “อ้วน บัวใหญ่” ขอให้ตนไปส่งที่บ้านพัก เพราะไม่ได้นำรถมา โดย “อ้วน บัวใหญ่” ขี่รถจักรยานยนต์เอง ส่วนตนนั่งซ้อนท้าย ขณะที่แล่นมาถึงบริเวณทางแยกเข้าบ้านพัก มีรถปิคอัพมีแค็บสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อและเลขทะเบียน แล่นสวนทางมา คนในรถคันดังกล่าวได้ตะโกนเรียกและกวักมือให้เข้าไปหาเพื่อจะสอบถามอะไรบางอย่าง “อ้วน บัวใหญ่” จึงเลี้ยวรถแล่นกลับไปหา

“ในรถปิคอัพมีชายฉกรรจ์ 3 คน โดยคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ สวมเสื้อแขนยาวสีดำ ได้ลดกระจกลงมาสอบถามว่า “น้อง.. พุทไธสง (ชื่ออำเภอหนึ่ง ใน จ.บุรีรัมย์) ไปทางไหน” ซึ่ง “อ้วน บัวใหญ่” ตอบไปว่า “ให้ตรงไปก่อน ถึงทางแยกหน้าให้เลี้ยวไปทาง อ.สีดา” พอสิ้นเสียงที่ตอบกลับ คนในรถได้ใช้ปืนยิงทันที ทำให้ “อ้วน บัวใหญ่” ล้มฟุบคารถ วิถีกระสุนยังเฉี่ยวที่ต้นแขนซ้ายผม ดังนั้นผมจึงวิ่งหนีตายสุดชีวิต และยังได้ยินเสียงปืนดังตามมาอีก 5 นัด สิ้นเสียงปืนจึงวิ่งย้อนกลับไปดู คนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปทาง อ.คง จ.นครราชสีมา ผมรีบติดต่อให้พรรคพวกนำร่าง “อ้วน บัวใหญ่” ไปที่โรงพยาบาลบัวใหญ่ ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา” นายวีรยุทธกล่าว
เผยเป็นการ์ดดูแล”แรมโบ้อีสาน
รายงานข่าวแจ้งว่า นายศักรินทร์ หรือ “อ้วน บัวใหญ่” เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช ที่อยู่ในสาย”ฮาร์ดคอร์” เป็นผู้วางแผนช่วงการชุมนุมกลุ่ม นปช.ที่ผ่านมา และยังได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่การ์ด นปช. คอยติดตามดูแลรักษาความปลอดภัยให้นายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ หรือ “แรมโบ้ อีสาน” แกนนำ นปช.
“โดยเฉพาะช่วงที่ตำรวจบุกเข้ารวบตัวแกนนำ นปช.ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค กรุงเทพฯ ซึ่งนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช.หลบหนีไปได้โดยการโรยตัวมาจากชั้นสาม ส่วนแรมโบ้อีสานหนีไม่ทัน ถูกรวบตัวได้คาห้องพัก แต่ “อ้วน บัวใหญ่” เป็นคนนำกำลังการ์ดเข้าช่วยเหลือนำตัวออกมาจากวงล้อมของตำรวจได้ โดยผลักอกนายตำรวจใหญ่และคุมตัวไว้เพื่อเปลี่ยนตัวกับแรมโบ้อีสาน ทำให้ “อ้วน บัวใหญ่” ได้รับคำชื่นชมจากแกนนำ นปช. โดยจะเคลื่อนไหวใกล้ชิดแกนนำคนอื่นๆ”
เคยมีปัญหากับบิ๊กทหาร-ตร.
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนการเคลื่อนไหวในพื้นที่ “อ้วน บัวใหญ่” จะขึ้นปราศรัยด้วยถ้อยคำที่รุนแรง จึงเป็นที่จับตาของหน่วยข่าวกรอง ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา “อ้วน บัวใหญ่”นำคนเสื้อแดง ชุมนุมประท้วงขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ขณะที่มาเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพอดีตนายทหารคนสนิท ที่วัดสุทธจินดา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา แม้งานพระราชพิธีจะดำเนินการจนเสร็จสิ้น แต่ก็ทำให้นายทหารและนายตำรวจ ต่างไม่พอใจกับการเคลื่อนไหว เพราะแขกผู้ใหญ่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ และยังเปิดเพลงปลุกใจคนเสื้อแดงขณะงานพระราชพิธีกำลังเริ่ม ทำให้กระทบกระทั่งผลักอกกับนายตำรวจระดับ รอง ผกก.นายหนึ่ง ที่พยายามเข้าไปปิดเครื่องขยายเสียง
ล่าสุด หลัง นปช.ยุติชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม “อ้วน บัวใหญ่” ถูกเรียกตัวไปพบเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความสงบ กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่ง “อ้วน บัวใหญ่” เดินทางไปพบแต่โดยดี จากนั้นก็เก็บตัวเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หันมาทำงานอาสาสมัครกู้ภัย โดยผู้ใหญ่ใน นปช.เตือนให้ระวังตัว แต่ก็มาถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว

“ตู่”ข้องใจคนชุมนุมกลับไปตาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำ นปช. กล่าวว่า ที่แกนนำคนเสื้อแดง จ.โคราช ถูกลอบสังหาร ทราบข่าวคร่าวๆ รู้ว่าเป็นโชคชะตาอันหนึ่ง มาจากการแสดงผลงานตามไล่ตามจับ พัฒนาขึ้นมาเป็นการเข่นฆ่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำให้ความจริงปรากฏว่าสาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร หรือรัฐบาลกล้ายอมรับว่าใครเห็นต่างกับตัวเองต้องได้รับชะตากรรมเช่นนี้ ยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เสื้อแดงต่างจังหวัดได้รับชะตากรรมมากกว่าพวกตนหลายเท่า อย่างคนที่ตายไป และหลายคนไม่สามารถอยู่บ้านได้ ครอบครัวก็เดือดร้อน ทั้งที่มาต่อสู้มือเปล่า นายอภิสิทธิ์ต้องสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้นว่าคนที่มีความคิดเห็นต่างหลังจากล้อมปราบยังตามไปฆ่าเขาที่บ้านใช่ไหม
เมื่อถามว่า ปักใจหรือไม่ว่ามูลเหตุการสังหารแกนนำเสื้อแดงมาจากเรื่องการเมือง นายจตุพรกล่าวว่า “เขามาชุมนุมกลับไปตาย แต่ทั้งหมดนี้ต้องรอผลการชันสูตรพลิกศพต่อไป เรื่องนี้ทำให้ผมต้องระวังชีวิตทุกวัน วันนี้ผมพูดถึงแกนนำโคราชที่ตาย แต่ไม่รู้ว่าวันไหนจะมีคนอื่นมาพูดถึงผมบ้าง”

จี้รบ.เลิกล่าแดง-ขู่คนลุกสู้

นายจตุพรกล่าวว่า การที่รัฐบาลยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินในหลายจังหวัด คนทั้ง 76 จังหวัดไม่กลัวกฎหมายฉบับนี้ แต่ขึ้นกับว่าจะลุกขึ้นสู้หรือไม่ รัฐบาลนี้ชุดปากปราศรัยแต่น้ำใจเชือดคอ รัฐบาลยังไล่ล่าตามฆ่าพี่น้องที่ไปเยี่ยมพรรคพวกที่ค่ายนเรศวร มีการตามไปค้นบ้านอีก มันมากเกินไป การคุกคามไล่ล่า สุดท้ายจะไม่มีใครกลัวใคร คนไทยพอถูกเหยียบย่ำอย่างถึงที่สุดก็ต้องลุกขึ้นสู้ อยากขอเตือนไปยังนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่เหิมเกริม มีพฤติกรรมลุแก่อำนาจได้มากถึงขั้นวิกลจริต จนมีการแจ้งจับในคดีจ้างวานฆ่า 80 คดี และคดีพยายามฆ่า 1,500 คดี เผด็จการที่ผ่านมาไม่มีใครลุแก่อำนาจเท่านายสุเทพ ถ้าคุณมีความสุขกับปัจจุบัน คุณทำไปนะ แต่ถ้าคุณไม่มีความสุข คุณต้องหยุดไล่ล่าคนอื่นเสียก่อน หมาจนตรอกยังต้องสู้ แต่นี่เป็นมนุษย์ต้องสู้ไหม ถ้าบ้านเมืองสงบก็ต้องหยุดไล่ล่า และไม่ต้องมาเล่นสำนวนว่าไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้าย เพราะผมเองก็สะอิดสะเอียนกับที่ต้องพูดกับฆาตกรอย่างพวกคุณ ดังนั้นความปรองดองต้องเริ่มขึ้นที่ตัวนายกฯ” นายจตุพรกล่าว

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | 1 ความเห็น

‘MAY18’เมื่อเสธ.แดง-พยาบาลน้องเกด-พระและวีรชนราชประสงค์โลดแล่นอยู่ในหนังเกาหลี…

‘MAY18’เมื่อเสธ.แดง-พยาบาลน้องเกด-พระและวีรชนราชประสงค์โลดแล่นอยู่ในหนังเกาหลี…

18พฤษภาวันอนาถชาติเกาหลี-ภาพยนตร์เกาหลี ผูกเรื่องให้พระเอกที่เป็นคนขับแท็กซี่ผู้หวังจะส่งน้องชายเรียนจบกฎหมายสูงๆต้องหัวใจสลาย เมื่อน้องชายถูกทหารสังหารในการประท้วงในมหาวิทยาลัย เขาถูกบีบให้เข้าร่วมจับอาวุธกับอดีตนายทหาร(คล้ายๆเสธ.แดง)พ่อของนางเอกที่เป็นพยาบาลคอยช่วยเหลือเหยื่อสังหาร ฉากสุดท้ายพยาบาลนางเอกโชคยังดีไม่ถูกสังหารแบบ”น้องเกด”ที่วัดปทุมฯ เธอตะโกนบนรถพยาบาลในฉากท้ายเรื่องว่า”เราไม่ใช่กบฎ เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย อย่าลืมเรา อย่าลืมวีรชนชาวกวางจู…

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา pingbook

18 พฤษภาคม 1980 วันแห่งการจดจำของประชาชนชาวเกาหลีตลอดกาล เป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้จากผลงานการกำกับของ คิมจีฮุน สำหรับงานชิ้นนี้เขาสร้างขึ้นมาด้วยความเคารพเหยื่อ ที่เกิดจากการสั่งการอย่างเหี้ยมโหดของรัฐบาลเกาหลีในสมัยนั้น ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้จะบอกเล่าเรื่องราวตลอด 10 วันนับตั้งแต่เกิดการจลาจลจนถึงการนองเลือดที่ชาติไม่มีวันลืม

MAY18-เป็นชื่อของภาพยนตร์เกาหลีที่สร้างขึ้นอิงจากเรื่องจริงของเหตุการณ์รัฐบาลชุนดูฮวานปราบปราบประชาชนผู้ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างนองเลือด โดยยัดเยียดให้ผู้ถูกสังหารเป็นผู้ก่อการร้ายและกบฎคอมมิวนิสต์ ต่อมามีการสอบสวนรื้อฟื้นเหตุการณ์ และลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจอมเผด็จการ และสร้างอนุสาวรีย์คืนเกียรติยศแก่วีรชน

ก่อนภาพยนตร์จะเข้าฉายที่เกาหลี ผู้กำกับและนักแสดงได้รวมตัวกันที่ โรงภาพยนตร์โซล เพื่อพูดถึงภาพยนตร์แห่งชาติเรื่องนี้เกี่ยวกับการสังหารหมู่ที่เมืองกวางจู สำหรับภาพยนตร์เรื่องเหตุการณ์วันที่ 18 พฤษภาคม ได้รับความคาดหวังอย่างมากกว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอีกเรื่อง และในวันนั้นก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 1980 (พ.ศ.2523 หรือเมื่อ 30ปีที่แล้ว) ประธานาธิบดี ชอนดูฮวาน (ดำรงตำแหน่ง 1980-88) ได้ทำการขยายอำนาจของตนเองโดยการเข้าควบคุมสภาและจับกุมนักการเมืองหลายคน รวมไปถึงนักประชาธิปไตยหัวเอียงซ้ายอย่าง คิมแดจุง หัวเรือใหญ่ในแถบจอลล่า โดยเขาได้รับการตัดสินโทษประหารชีวิต แต่เขาก็รอดมาได้และได้เป็นประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้ในปี 1998 – 2003

อย่าลืมเรา-ภาพยนตร์ผูกเรื่องให้พระเอกที่เป็นคนขับแท็กซี่ผู้หวังจะส่งน้องชายเรียนจบกฎหมายต้องหัวใจสลาย เมื่อน้องชายถูกทหารสังหารในการประท้วงในมหาวิทยาลัย เขาเข้าร่วมจับอาวุธกับอดีตนายทหาร(คล้ายๆเสธ.แดง)พ่อของนางเอกที่เป็นพยาบาลคอยช่วยเหลือเหยื่อสังหาร ฉากสุดท้ายพยาบาลนางเอกโชคดีไม่ถูกสังหารแบบ”น้องเกด”ที่วัดปทุมฯ เธอตะโกนบนรถพยาบาลในฉากท้ายเรื่องว่า”เราไม่ใช่กบฎ เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย อย่าลืมเรา อย่าลืมวีรชนชาวกวางจู…”


นักศึกษามหาวิทยาลัยในจอนนัม ได้เริ่มมีการชุมนุมคัดค้านหน้าประตูมหาวิทยาลัย จนกระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม ก็มีประชาชนมากกว่า 300,000 คนเข้ายึดอาวุธที่สถานีตำรวจและก่อตั้ง “กองทัพประชาชน” จนเข้าควบคุมเมืองทั้งหมดไว้ได้ จากนั้นจึงเปิดการเจรจาระหว่าง “ประชาชน” และ “รัฐบาล”

27 พฤษภาคม ประธานาธิบดีชอนได้ส่งกองกำลังทหารทั้งทางบกและทางอากาศมากกว่า 200,000 นายเพื่อเข้าทำการกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมในย่านใจกลางเมือง โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 90 นาที

จนกระทั่งในปี 2003 จากข้อมูลในเหตุการณ์ครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิต 207 คน บาดเจ็บ 2,392 คน และเหยื่อทั่วๆไปอีกกว่า 987 คน แต่ข้อเท็จจริงยังคงไม่ได้รับการยืนยันจนถึงทุกวันนี้

ชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อประชดประชันฝ่ายทหารโดยมีชื่อว่า ฮวารยอฮัน ฮยูกา หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “วันที่แสนวิเศษ”

“ในฐานะที่ผมเป็นผู้กำกับ มันท้าทายอย่างมากที่เราจะย้อนกลับไปในวันนั้นและเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้น” คิมกล่าวกับนักข่าว “มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ จากการที่ผมสัมภาษณ์เหยื่อและครอบครัวที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ผมรู้สึกเลยว่ามันแย่ เถื่อน และเหมือนฝันร้ายมากกว่าฉากในภาพยนตร์หลายเท่านัก”

“ผมลดความแรงลง แทนที่ผมจะเน้นหนักไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น นับจนถึงวันนี้ก็ 30 ปีมาแล้ว ผมอยากจะมอบชีวิตใหม่ให้แก่คนที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายวันนั้นมา”

เสธ.แดงฉบับเกาหลี-ภาพยนตร์ผูกเรื่องให้พ่อของนางเอก เป็นอดีตนายทหารที่ถูกออกจากราชการเพราะคัดค้านเผด็จการ จัดตั้งกองกำลังเพื่อป้องกันตนเองของชาวกวางจู แต่สุดท้ายทั้งหมดถูกกองกำลังทหารสังหารเรียบไม่เหลือ

เรื่องราวถูกเล่าผ่าน 4 ตัวละครหลักที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเหยื่อในเหตุการณ์นั้น ชีวิตของคนธรรมดาได้เปลี่ยนไปอย่างถาวรในเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม โดยมีคนขับแท็กซี่ มินอู (นำแสดงโดย คิมซังคยอง) ที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขคอยดูแลน้องชายของเขา จินอู (นำแสดงโดยอีจุนกิ) ในขณะที่ต้องดูแลคนรักของเขา ชินแอ (รับบทโดย อีโยวอน) ไปด้วย

เมื่อนรกเปิดขึ้น มินอูและคนอื่นๆก็พร้อมที่จะปกป้องคนรักของตนด้วยร่างกายของตนเอง

นักแสดงสาว อีโยวอน สำหรับ 18 พฤษภาคมเป็นวันที่ทุกคนในชาติเกาหลีสัมผัสมันได้ เธอต้องร้องไห้ตลอดเวลาและทำผมทรงย้อนยุค “ฉันรู้สึกกลัวจริงๆ ถ้านี่มันเป็นเหตุการณ์จริง แทนที่จะเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์” เธอกล่าว “เป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่ท่ามกลางกระบอกปืน”

อีจุนกิ บรรยายบทของตน “แสดงความรู้สึกของการถูกกดดันและความรุนแรงในช่วงเวลานั้น” นักแสดงนำจากภาพยนตร์ King and the Clown (2005) กล่าวเสริม “มันน่าเศร้ามากที่คนที่เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันจะต้องถูกพรากจากกัน”

ผู้กำกับคิมกล่าวว่าในฉากอุโมงค์นั้นเป็นฉากที่เขาชอบมากที่สุด จนกระทั่งลูกสาวของเขาได้ถือกำเนิดขณะที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์

“จากการสัมภาษณ์ครั้งที่แล้วเพราะว่าเรื่องราวที่เราคุยกันมันหนักเกินไปหน่อย แต่ผมอยากเน้นหนักว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นรวมไปถึงมุขตลกที่แทรกเข้าไปด้วย” อันซองกิ นักแสดงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเกาหลี ซึ่งรับบทเป็นพ่อของชินแอ และยังเป็นผู้นำกองทัพของประชาชนอีกด้วย

“แต่ผมกลับรู้สึกสลดและหัวใจที่แตกสลายกับการชมภาพยนตร์ในวันนี้เสียเหลือเกิน” เขากล่าว

ถึงแม้ว่าการทำภาพยนตร์อย่างเรื่อง 18 พฤษภาคม จะเครียดมากเท่าไหร่ แต่ผู้กำกับของเขาก็ยังคงมีอารมณ์ขันเสมอ

“พูดจริงๆนะ เรามีทุนไม่มากนักสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้นทีมงานของเราทุกคน รวมไปถึงคนขับรถบัส แล้วก็ผู้จัดการของนักแสดงทุกคนจะต้องมาร่วมเล่นบทกันด้วยนิดๆหน่อย แล้วอันซองกิ ก็ยังช่วยกำกับอีกต่างหาก” ผู้สร้างกล่าวด้วยอารมณ์ขัน

“ไม่จริงครับ” คิมซังคยองคันค้านด้วยอารมณ์ขัน “เขาอาสาสมัครอยากแสดงเอง แถมยังหลุดซีนมากสุดด้วย”

ในช่วงของประธานาธิบดีชอนดูวาน เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นการก่อการร้ายของกบฏคอมมิวนิสต์ แต่ภายหลังจากการคืนกลับสู่กฏหมายหลัก เหตุการณ์นี้ก็ได้รับการชำระล้างบันทึกใหม่ว่าเป็นการประท้วงเพื่อคืนสู่ระบอบประชาธิปไดยภายใต้การกดดันจากทหาร จนท้ายสุดรัฐบาลต้องกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการและสร้างอนุสาวรีย์ผู้เสียชีวิตขึ้น ขณะที่จอมเผด็จการถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกเข้าฉายที่โซล ปูซาน และเมื่อกวางจู โดยจากการรายงานของสำนักข่าวยอนฮัปกล่าวว่ามีประชาชนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์นี้กว่า 3,000 เข้าร่วมชมภาพยนตร์และต่างก็ไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาของตนเองได้ รวมถึงเสียงปรบมือที่กึกก้องยาวนานภายหลังภาพยนตร์จบลง

“ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เรามองหันกลับไปในวันนั้น” ยุนซอกดอง วัย 80 กล่าว โดยเขาได้สูญเสียลูกชายของเขา ซังวอน ในเหตุการณ์วันนั้น จากเวลายาวนานถึง 27 ปีหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ภาพยนตร์เรื่อง 18 พฤษภาคมได้นำทุกคนกลับสู่เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวและการปลดปล่อยออกของจิตวิญญาณที่แท้จริงของคนชาวเกาหลี

ฉากฝันวันแสนวิเศษ-ผู้สร้างเลือกเอาฉากจบแบบชวนฝันว่า หากพระเอกและเพื่อนพี่น้องนักเรียกร้องประชาธิปไตย รวมทั้งพ่อของเธอ(เสธ.แดงฉบับกวางจู) และหลวงพ่อบาทหลวงคาธอลิก ไม่ถูกสังหารในการประท้วงก็คงได้แต่งงานกันแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง..ฉากนี้กลายเป็นโปสเตอร์ของหนังด้วย

http://www.unblockworld.com//home.pl/010110A/687474702s74686169656r6577732r626p6s6773706s742r636s6q2s323031302s30362s6q617931382r68746q6p

Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 6/07/2010 10:34:00 ก่อนเที่ยง

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

วันอาทิตย์สีแดงแรงกระจาย

วันอาทิตย์สีแดงแรงกระจาย


ใครๆก็เทใจให้สีแดง-คนขวามือไทเกอร์ วู้ดส์ แดงทุกวัน ส่วนคนซ้ายมือเขาคือธงชัย ใจดี ณ กางเกงแดง ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งพักก่อนออกรอบดวลวงสวิงในการแข่งขันกอล์ฟนัดหนึ่งที่โอไฮโอ เมื่อวันอาทิตย์ (ภาพ:AP)

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
7 มิถุนายน 2553


วันอาทิตย์สีแดง-ชาวface bookเสื้อแดง นัดพบปะสังสรรค์กันในกิจกรรม”วันอาทิตย์สีแดง”เพื่อยืนหยัดสืบทอดอุดมการณ์ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หลายจุดทั่วประเทศ สำหรรับภาพนี้ (จากซ้ายไปขวา) DJวิทยุแท็กซี่-อ้น ชัยนรินทร์ , จูน Redshirt Redheart และ โคล ผู้ชุมนุมที่รอดชีวิตในวัดปทุมวนาราม

กิจกรรมหนนี้ มีการจัดพบปะกันในวงกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง ในภารกิจวันอาทิตย์สีแดงที่ 6 มิถุนายน 2553

อ้น : “ เสื้อแดงพ่ายแพ้ย่อยยับ แต่พวกเขากำลังเติบโตอย่างแรงกล้าทางอุดมการณ์”

จูน : “ จูนรอดชีวิตมาได้เพราะการ์ดเสื้อแดงไม่ใช่ทหารที่ถือปืน”

โคล์ : “ผมหลบภัยจากการล่าสังหารผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ มาที่วัดหลวงซึ่งเป็นเขตอภัยทาน แต่สิ่งที่ผมพบกลับเป็นคืนวันซึ่งสยดสยองที่สุด อีกเหตุการณ์ที่ผมประสบ”

ส่วนภาพนี้สีแดงทั้งครอบครัวจ้า
0000000000

กิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง ร่วมกันใส่เสื้อแดงทุกวันอาทิตย์ เพื่อรำลึกถึงเพื่อนผู้จากไปและเป็นการยืนยันการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย สนใจเข้าร่วมกิจกรรม คลิ้กที่นี่

Posted by นักข่าวชาวรากหญ้า at 6/07/2010 04:08:00 หลังเที่ยง

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

จตุพรแจ้งข่าวนักรบศรีวิชัยชุดดำ&ทหารเตรียมเผาCTW

2010-05-13@2241 RedMarch จตุพรแจ้งข่าวนักรบศรีวิชัยชุดดำ&ทหารเตรียมเผาCTW
http://www.youtube.com/watch?v=djzRrJkyJJQ

คลิปเผาห้าง CTW
http://www.youtube.com/watch?v=29yTzrj_bdA

2010-05-09@1304 RedMarch วิสา (รอยอดีต)
http://www.youtube.com/watch?v=nkULcW99qU4

2010 05 10@1926 RedMarch ไพจิต เพื่อนเราต้องไม่ตายเปล่า
http://www.youtube.com/watch?v=Cqjpv__jWwE

2010-05-10@1929 RedMarch วิสา&ไพจิต (ก้าวต่อไป)
http://www.youtube.com/watch?v=fK93FcNwvtQ

2010-05-10@1934 RedMarch วิสา&ไพจิต (ชนะแน่นอน)
http://www.youtube.com/watch?v=vvRlJLr8zMU

2010 05 10@1939 RedMarch วิสา&ไพจิต ความจริงวันนี้
http://www.youtube.com/watch?v=HDJsS8aFYxg

2010-05-10@1945 RedMarch วิสา (กวี&เพลงสดุดีวีรชน)
http://www.youtube.com/watch?v=TUwV_lU8Xew

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น

วิชามารขั้นเทพ

ข้อสงสัยที่ผิดปกติสำหรับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่ผ่านมา เริ่มจะโผล่ ทีละขั้นตอน กรณีไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์โดยไม่มีรถดับเพลิงเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้เพลิงลุกไหม้ข้ามวันข้ามคืน ทั้งที่รถดับเพลิงอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝั่งตรง กันข้ามที่เกิดเหตุแค่มีถนนกั้นก็น่าคิด

มีชายฉกรรจ์แต่งตัวคล้ายทหารถืออาวุธ เดินเพ่นพ่าน บนสถานี รถไฟฟ้าทั้งๆที่เป็นพื้นที่ควบคุม มีกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากโอบล้อมเอาไว้แล้วก็น่าคิด ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งตามคนร้ายที่สงสัยว่าจะยิงเอ็ม 79 เข้าไปในแนวทหารแล้วถูกข่มขู่ก็น่าคิด

แต่ที่ไม่ต้องคิดคือ บรรดาของกลาง ที่นำมาแสดงดูจะเยอะและใหม่ผิดปกติ แต่ของกลางบางอย่างได้อันตรธานไปจากที่เกิดเหตุ เช่น พัดลมและเต็นท์เป็นจำนวนมาก รวมทั้งขาตั้งกล้องของผู้สื่อข่าวที่มีราคาเป็นแสน ไปตกหล่นอยู่ที่ไหนช่วยคืนด้วยเถอะนักข่าวเขาเดือดร้อน

ศอฉ.อ้างเหตุว่าที่ยัง ไม่ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เพราะเป็นห่วงว่าอาวุธที่ นปช.ยึดไปยังได้คืนไม่ครบ เกรงว่าจะนำไปก่อเหตุร้ายขึ้นมาอีก ก็เลยไม่รู้ว่ารัฐบาลจะบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแทนรัฐธรรมนูญไปอีกนานเท่าไหร่ หรือใช้บังคับไปจนตลอดอายุรัฐบาลชุดนี้

ว้าเหว่

ที่โดนหางเลขไปด้วยไม่พ้น แดน ริเวอร์ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ประจำประเทศไทยถูกขุดคุ้ยไปจนถึงลูกเมียครอบครัวว่าเป็นคนที่ไหน เพื่อที่จะโยงให้ได้ว่า มีซัมธิงรองกับคนเสื้อแดง ที่ก่อนหน้านี้แม้แต่พระสงฆ์องคเจ้าในวัดปทุมวนารามก็โดนมาแล้ว ถึงขนาดที่ แดน ริเวอร์ ออกปากว่า สื่อมวลชนไทยเชื่อถือไม่ได้

ถือว่าเป็นสุดยอดวิชามารขนานแท้

ฝรั่งยังงงกลับบ้านไม่ถูก ส่วนคนไทยสับสนไปหมดเพราะขบวนการ ลับ ลวง พราง ที่ซ้ำซ้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะมาเจอเอานักการเมืองมืออาชีพที่วิชามารขั้นเทพด้วยแล้ว ยากที่มนุษย์ธรรมดาจะตามทัน

กรณีเสียงเอะอะโวยวายระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอันเนื่องมาจากคะแนนโหวตไม่ไว้วางใจ รมต.ภูมิใจไทยที่ถูก ส.ส.เพื่อแผ่นดินย้อนเกล็ดโหวตไม่ไว้วางใจคุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยและคุณโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ขนาดคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะสั่งให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปสอบสวนหาสาเหตุและขู่ว่าจะมีการปรับ ครม. หรือดีไม่ดีอาจจะปรับพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากรัฐบาล สันนิษฐานได้สองกรณี เป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี และคุณพินิจ จารุสมบัติ กับคุณเนวิน ชิดชอบ หรือไม่ก็สร้างข่าวบิดเบือนกลบกระแสการอภิปรายในประเด็นใครสั่งฆ่าประชาชนที่กำลังฮอตอยู่ในขณะนี้

ถ้าจริง ต้องถือว่าเป็นการแหกตาระดับชาติ.

หมัดเหล็ก

ไทยรัฐออนไลน์ โดย หมัดเหล็ก 5 มิถุนายน 2553

โพสท์ใน ไม่มีหมวดหมู่ | ใส่ความเห็น